Sie sind auf Seite 1von 25

บทที่ 6

สารกรองเซรามิกส์

น้ำที่จะสะอำดปรำศจำกสิ่งปฏิกูลพวกเศษผง โคลนตม แบคทีเรีย ไวรัส และอินทรีย -


สำรต่ำง ๆ ได้นัน ต้องผ่ำนกระบวนกำรกรอง ซึ่งประสิทธิภำพของกำรกรองที่แต่ละแห่งต้องกำร
จะแตกต่ำงกันตำมวัตถุประสงค์ของน้ำที่จะน้ำไปใช้งำน เช่น กรองเพื่อเป็นน้ำ ใช้ กรองเพื่อเป็น
น้ำดื่ม หรือกรองไปใช้ในห้องปฏิบัติกำร นอกจำกนีกำรกรองจะแตกต่ำงกันที่ชนิดของสิ่งปฏิกูล
ที่เจือปนมำในน้ำว่ำมีลักษณะใด เป็นประเภทใด มีขนำดของอนุภำคเท่ำใด มีจ้ำนวนมำกหรือ
น้อยเพียงใด ดังนันกำรเลือกกำรกรองให้สอดคล้องเหมำะสมกับจุดประสงค์จึงจ้ ำเป็นต้อง
เลือกวิธีกำรที่ใช้กรอง เลือกใช้สำรกรองที่เหมำะสมกับชนิดของสิ่งปฏิกูล สภำพของสถำนที่
ที่จะกรอง เช่น ในหม้อต้มน้ำ ในที่น้ำกร่อย ในโรงงำนอุตสำหกรรม ในบ้ำนเรือน เป็นต้น โดยที่
สำรกรองเซรำมิกส์เป็นวัสดุเพื่อกำรกรองอีกประเภทหนึ่งที่สำมำรถเลือกใช้ได้ กำรศึกษำถึง
ควำมหมำยและประเภทของกำรกรอง ลักษณะของสำรกรองจึงมีควำมส้ำคัญต่อบุคลำกรใน
วงกำรอุตสำหกรรมและบุคลทั่วไปเพื่อให้รู้ เข้ำใจและเลือกใช้ได้อย่ำงเหมำะสม

ความหมายของการกรอง

กำรกรอง (filtration) หมำยถึงกำรแยกสิ่งปฏิกูลและสำรต่ำง ๆ ออกจำกของไหล ซึ่ง


ของไหลส่วนมำกได้แก่น้ำ โดยกำรผ่ำนตัวกลำงที่มีช่องว่ำงพอที่จะให้ของไหลผ่ำนไปได้แต่จะ
กักกันสิ่งปฏิกูลหรือสำรสกปรกในของไหลไม่ให้ไหลลอดผ่ำนตัวกลำงนีไปได้ สิ่งปฏิกูลที่เจือปน
ในน้ำดังกล่ำวนีได้แก่สำรแขวนลอยที่เป็นทังโคลนตม แบคทีเรีย ไวรัส และอนุภำคขนำดเล็ก
สิ่งเหล่ำนีถึงแม้ จะมี ควำมละเอียดและขนำดเล็กอย่ำงไร ตัวกลำงที่ใช้เพื่อกำรกรองจะต้อง
สำมำรถสกัดกันไว้ได้ (Peter, 1954, p. 10; Mark, 1966, p. 30) โดยขนำดของอนุภำคที่เป็น
สิ่งปฏิกูลในน้ำหรือของไหลมีขนำดแตกต่ำงกันตำมตำรำงที่ 6.1
190

ตำรำงที่ 6.1 ขนำดของอนุภำคที่เป็นสิ่งปฏิกูลในน้ำ

สิ่งปฏิกูล ขนำดของอนุภำค (มิลลิไมโครเมตร)


โคลนตม 50,000
แบคทีเรีย 5,000
ไวรัส 50
สำรแขวนลอย 1 – 1,000
ที่มำ (Mark, 1966, p. 30)
หมำยเหตุ 1 ไมโครเมตร () = 0.001 = 1.0 X 10-3 มิลลิเมตร
1 มิลลิไมโครเมตร (m)= 0.000001 = 1.0 X 10-6 มิลลิเมตร

ลักษณะของตัวกลำงหรือสำรกรองมีลักษณะเป็นสำรหรือวัสดุที่มีรูพรุนที่ผิว และอำจ
เป็ น วัตถุ ที่ เป็ น เม็ ด ขนำดเล็ ก มำก เมื่ อวำงเรีย งตั วกัน แล้ วจะท้ ำให้ เกิด ช่ องว่ำงระหว่ำงเม็ ด
พอที่จะให้น้ำไหลผ่ำนไปด้วยแรงโน้มถ่วงของโลกหรืออำศัยแรงกล เช่น แรงดัน และแรงหนี
ศูนย์กลำง ช่วยให้ของเหลวไหลผ่ำนลงไปตำมทิศทำงของน้ำ และสำรกรองจะสำมำรถสกัดกัน
ไม่ให้สิ่งปฏิกูลผ่ำนไปได้ เมื่อจ้ำนวนสิ่งปฏิกูลถูกกักไว้มำกขึนจะท้ำให้รูพรุนของผิว สำรกรองที่
เรียงตัวกันเกิดกำรอุดตันจนท้ำให้น้ำไหลช้ำลง และในที่สุดจะไม่สำมำรถไหลผ่ ำนสำรกรองได้
เรียกว่ำกำรเกิดควำมต้ำนทำนกำรไหลซึ่งโดยปรกติจะเกิดขึนจำกแรงต้ำนทำนของชันปฏิกูล
(cake resistance)
กำรปรับ ปรุ ง ประสิ ท ธิ ภ ำพกำรกรองให้ ดี ยิ่ ง ขึ นจะท้ ำ ได้ โดยลดแรงต้ ำ นทำนจำก
สิ่งปฏิกูลและพยำยำมให้สิ่งปฏิกูลรวมตัวกันไม่แตกสลำยเป็นเศษชินเล็ก ๆ เข้ำไปอุดตำมรูพรุน
โดยกำรเติมสำรชนิดหนึ่งซึ่งมีสมบัติทำงไฟฟ้ำสถิตสำมำรถจับสิ่งปฏิกูลให้รวมตัวกัน ท้ำให้สิ่ง-
ปฏิกูลมีขนำดใหญ่ขึนและถูกกักไว้บนตัวกลำงสำรกรองได้ง่ำย สำรที่เติมเข้ำไปนีเรียกว่ำสำร-
ช่ วยกรอง (polyelectrolyte coagulant aids หรือ filter aids) สำรช่ วยกรองนี ส่วนใหญ่ จ ะมี
ควำมหนำแน่ น ต่้ ำ และเป็ น สำรประกอบซิ ลิ ก ำ เช่ น ดิ น เบำ (diatomaceous earth) ถ่ ำ น
191

(charcoal) ทรำย (activated Silica) และใยหิน (asbestos) นอกจำกนีกำรเลือกใช้ สำรกรอง


ควรค้ำนึงถึงกำรล้ำงสำรกรอง (back washing) ที่หมดประสิทธิภำพกำรกรองแล้ว ให้กลับมี
สมบัติดีดังเดิม

ประเภทของการกรอง

กำรกรองโดยทั่วไปจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ (Peter, 1954, p. 21)

1. กำรกรองโดยใช้ควำมดันคงที่ (constant – pressure filtration) กำรกรองประเภท


นีควำมดันแตกต่ำง (pressure drop) ระหว่ำงชันของสิ่งปฏิกูลและสำรกรองจะมีค่ำคงที่ตลอด
กำรปฏิบัติงำน ในขณะที่กำรกรองด้ำเนินไปนันชันของสิ่งปฏิกูลจะมีควำมหนำเพิ่มขึนท้ำให้เกิด
ควำมต้ำนทำนกำรไหลของน้ำโดยชันของสิ่งปฏิกูล ดังนันถ้ำแรงดันของกำรไหลมีค่ำคงที่จะ
ท้ำให้อัตรำกำรไหลของของเหลวลดลง จนในที่สุดจะต้องมีกำรหยุดกำรปฏิบั ติงำนเพื่อขูดเอำ
ชันของสิ่งปฏิกูลออกแล้วท้ำกำรล้ำงตัวกลำงสำรกรองให้สะอำดเสียก่อนจึงจะเริ่มปฏิบัติงำน
ครังใหม่ได้ ตัวอย่ำงกำรกรองประเภทนีคือเครื่องกรองอัด (filter – press)
2. กำรกรองโดยให้อัตรำกำรไหลของของเหลวคงที่ (constant – rate filtration)
กำรกรองประเภทนี จะควบคุ ม ควำมดั น ของระบบเพื่ อ ให้ อั ต รำกำรไหลผ่ ำ นตั ว กลำงของ
ของเหลวมี ค่ำคงที่ในกำรปฏิบัติงำน มีกำรเพิ่ม ควำมดันของระบบเมื่ อกำรกรองผ่ำนไปช่วง
ระยะเวลำหนึ่ง และสิ่งปฏิกูลเริ่มเข้ำไปอุดตำมรูพรุน ซึ่งควำมดันที่เพิ่มขึนเรื่อย ๆ จะไปช่วย
ขับดันให้อัตรำกำรไหลของของเหลวคงที่

อย่ำงไรก็ตำมในกำรกรองโดยทั่ว ๆ ไปจะอำศัยกำรกรองทัง 2 แบบรวมกันคือในตอน-


แรกจะกรองโดยให้อัตรำกำรไหลของของเหลวผ่ำนไปอย่ำงช้ำ ๆ เพื่อให้เกิดชันบำง ๆ ของสิ่ง -
ปฏิกูล จำกนันจะควบคุมควำมดันให้อัตรำกำรไหลเพิ่มขึนและสุดท้ำยจะเป็นกำรกรองด้วย
ควำมดันคงที่จนสินสุดกำรปฏิบัติงำน
192

ลักษณะของสารกรอง

สำรกรองส้ำหรับกำรท้ำน้ำให้สะอำดจะมีลักษณะเป็นสำรหรือวัสดุที่มีรูพรุนที่ผิวและ
อำจเป็นวัตถุที่เป็นเม็ดขนำดเล็กมำก ๆ ที่เมื่อวำงเรียงตัวกันแล้วจะท้ำให้เกิดมีช่องว่ำงระหว่ำง
เม็ด พอที่จะให้น้ำไหลผ่ำนได้ด้วยแรงโน้มถ่วงของน้ำหนักน้ำ (gravity) หรือผ่ำนไปตำมทิศทำง
ที่น้ำไหลได้ แต่สำรกรองจะสำมำรถสกัดกันไม่ ให้สิ่งปฏิกูลผ่ำนไปได้ ขนำดของสำรกรองที่
เรียงตัวกันมีสภำพเป็นพืนผิวที่มีรูพรุนขนำดเล็กท้ำให้สิ่งปฏิกูลในน้ำไม่สำมำรถลอดผ่ำนไปได้
ไม่ว่ำจะเกิดจำกธรรมชำติหรือเกิดจำกกำรรวมตัว โดยมีสำรเคมีเข้ำไปจับกันเป็นก้อน (flocs)
รวมทังอนุภำคอื่น ๆ ก็ไม่ สำมำรถลอดพ้นไปได้ ทังนีเพรำะขนำดของช่องระหว่ำงเม็ด (pore
opening size) มีขนำดเล็กกว่ำขนำดอนุภำคของสิ่งปฏิกูล ยกเว้นกรณีที่สิ่งปฏิกูลแตกและมี
ขนำดเล็กลงจำกแรงกระแทกกระเทือนของน้ำไหล แต่อย่ำงไรก็ตำมเศษแตกละเอียดลงของ
สิ่งปฏิกูลจะถูกกักกันด้วยช่องเล็ก ๆ ที่ลึกลงไปของสำรกรอง เพรำะเมื่อจ้ำนวนสิ่งปฏิกูลถูกกัก -
กันมำกขึน จะท้ำให้รูพรุนของผิวสำรกรองที่เรียงตัวกันอุดตันจนท้ำให้น้ำไหลช้ำลงและในที่สุด
อำจไหลผ่ำนสำรกรองไม่ได้

ผิวหน้ำชันกรอง นำ้

ภำพที่ 6.1 ช่องหรือรูพรุนของชันสำรกรองเมื่อน้ำไหลผ่ำน


ที่มำ (Baylis, Gellans, & Oudsan, 1971, p. 15)
193

สำรกรองเป็นส่วนส้ำคัญที่สุดของกำรกรอง ซึ่งตัวกลำงหรือสำรกรองหมำยถึงวัตถุที่มี
รูพรุนที่ยอมให้ของเหลวไหลผ่ำนไปได้แต่จะเก็บกักอนุภำคของแข็งที่แขวนลอยอยู่ในของเหลว
ไว้ ตัวกลำงสำรกรองแบ่งออกได้เป็นหลำยประเภทได้แก่ สำรกรองเส้นใย สำรกรองทรำย สำร-
กรองถ่ำนหินแอนทรำไซต์ สำรกรองถ่ำนไว สำรกรองดินเบำ สำรกรองทรำยเฟอโร และสำร-
กรองเซรำมิกส์

1. สารกรองเส้นใย
สำรกรองเส้นใยนิยมใช้เพื่อกรองควำมขุ่นและตะกอนในของเหลว เส้นใยที่ใช้กรองมี
หลำยชนิด เช่น ไนล่อน เซลลูโลส แก้วฝอย ด้ำย ผ้ำ กระดำษ รวมถึงเส้นใยโลหะ เส้นใย
พวกนีเมื่อทอออกมำเป็นแผ่นหรือเป็นไส้กรองแล้วจะเป็นตัวกลำงที่มีควำมพรุนตัวสูงถึงร้อยละ
90 – 95 แต่แผ่นกรองควรจะมีควำมหนำอยู่ในช่วง 1 – 2 นิว เพื่อให้สำมำรถเก็บกักอนุภำค
ในของเหลวได้ดี ในสมัยก่อนนิยมใช้ผ้ำสักหลำดเป็นตัวกลำงส้ำหรับกรองเพื่อก้ำจัดของเสีย
ในอุตสำหกรรมนมสดอย่ำงแพร่หลำย แต่ปัจจุบันเปลี่ยนมำใช้แผ่ นกรองที่เป็นผ้ำฝ้ำยแทน
(cotton disc) ส่วนสำรกรองที่ท้ำจำกลินินจะมีควำมแข็งแรงมำกและมีอำยุกำรใช้งำนยำวนำน
แต่เส้ นใยของลินินเมื่ อทอเป็นตัวกลำงส้ำหรับกรองแล้วจะมีควำมหนำแน่นมำกท้ำให้อัตรำ
กำรซึมผ่ำน (permeability) ของของเหลวช้ำกว่ำสิ่งทอชนิดอื่น นอกจำกนี สำรกรองเส้นใยยังมี
สำรกรองที่ทอจำกขนสั ตว์เช่นขนแกะที่ใช้เพื่ อกรองสำรละลำยกรดได้ (ควำมเข้มข้นไม่ เกิน
ร้อยละ 6) และใช้กรองสำรละลำยที่มีควำมหนืดสูงเช่นน้ำมันและน้ำโคลน ส่วนสำรกรองที่เป็น
ไนลอนจะมีควำมทนทำนสูงต่อสำรละลำยอัลคะไลและสำรละลำยอินทรีย์
2. สารกรองทราย
สำรกรองประเภททรำยนิยมใช้กันแพร่หลำยเพรำะหำง่ำยและรำคำถูก โดยเม็ดทรำย
จะช่วยให้ทำงผ่ำนของของเหลวคดเคียวยิ่งขึน ใช้เพื่อกรองควำมขุ่นและตะกอนต่ำง ๆ กำร-
กรองสำมำรถกระท้ำได้ทังแบบอำศัยควำมโน้มถ่วงของโลกและแบบอำศัยควำมดัน ทรำยที่จะ
น้ำมำใช้ควรเลือกขนำดให้เหมำะสมโดยทรำยหยำบจะมีอัตรำกำรซึมผ่ำนสูงกว่ำทรำยละเอียด
แต่ทรำยละเอียดเก็บกักอนุภำคของแข็งได้ดีกว่ำ ควำมหนำของชันทรำยที่ใช้ไม่ควรต่้ำกว่ำ 2
194

ฟุต จำกกำรทดลองพบว่ำขนำดของทรำยและควำมหนำจะต้องสัม พันธ์กันกำรกรองจึ งจะ


ได้ผลดี
3. สารกรองถ่านหินแอนทราไซต์ (antracite)
สำรกรองประเภทถ่ำนหินแอนทรำไซต์นิยมใช้กรองน้ำเพื่อก้ำจัดตะกอน โดยน้ำที่ผ่ำน
สำรกรองถ่ ำนหิ น สำมำรถน้ ำไปใช้ ในหม้ อ ไอน้ ำได้ เพรำะไม่ ท้ ำให้ เกิ ด ตะกรัน และถ่ ำนหิ น
สำมำรถล้ำงท้ำควำมสะอำด (fluidized back – washing) ง่ำยกว่ำทรำยเนื่องจำกถ่ำนหินมี
ควำมหนำแน่นเพียงครึ่งหนึ่งของทรำย
4. สารกรองถ่านไว
สำรกรองถ่ ำ นไวเป็ น สำรกรองคล้ ำ ยถ่ ำนหิ น แอนทรำไซต์ มี ทั งที่ มี ลั ก ษณะเป็ น ผง
ละเอียดและเป็นเม็ด นอกจำกกำรกรองอนุภำคของมลทินแล้วสำมำรถดูดสีและกลิ่นของสิ่ง -
สกปรกในน้ำได้ดีอีกด้วย
5. สารกรองดินเบา
ดิ น เบำเป็ น ดิ น ที่ เกิ ด ตำมธรรมชำติ โดยเกิ ด จำกพวกไดอะตอม (diatom) มี ส่ ว น-
ประกอบของซิลิกำเป็นองค์ประกอบส้ำคัญ ดินประเภทนีมีควำมละเอียดมำกจึงท้ำให้กำรกรอง
เป็นไปอย่ำงประณีต แต่ถ้ำน้ำมีควำมสกปรกมำกจะท้ำให้สำรกรองอุดตันเร็วขึนเพรำะรูพรุน
เล็กมำก กำรใช้ดินเบำเป็นสำรกรองควรใช้กับของเหลวที่มีควำมขุ่ นไม่เกิน 200 ppm. (part
per million) จึงจะกรองได้ดี ภำยในดินเบำยังพบสำรเคมีบำงอย่ำงที่มีประโยชน์ในกำรฟอกสี
อีกด้วย
6. สารกรองทรายเฟอโร
ทรำยเฟอโรเป็นทรำยชนิดหนึ่งได้มำจำกธรรมชำติ (green sand zeolite) มีสมบัติดูด-
ซับได้ดีเช่นเดียวกับถ่ำนไวเพรำะผิวของทรำยมีประจุไฟฟ้ำ ก่อนจะน้ำทรำยเฟอโรไปใช้จะล้ำง
ให้บริสุทธิ์เสียก่อนด้วยกรด เพรำะสมบัติในกำรดูดซับของทรำยเฟอโรดีมำกดังนันทรำยเฟอโร
จึงท้ำหน้ำที่ทังกรองและดูดซับไปในตัว ขนำดของทรำยอยู่ระหว่ำง 16 – 60 เมช นิยมใช้สำร-
กรองทรำยเฟอโรเพื่อกรองอนุภำคของเหล็ก แมงกำนีส ไฮโดรเจนซัลไฟด์ และอินทรียสำรที่
ปนเปื้อนในน้ำประปำ สำมำรถล้ำงทรำยเฟอโรให้สะอำดและมีประสิทธิภำพเช่นเดิมได้ง่ำยด้วย
195

สำรละลำยด่ำงทับทิมหรือคลอรีน
7. สารกรองเซรามิกส์
สำรกรองเซรำมิกส์เป็นสำรกรองที่ผลิตขึนมำจำกส่วนผสมของหิน ดิน และทรำย โดย
นิยมขึนรูปเป็นแผ่น (flat plates) และหลอดทรงกระบอก (cylindrical form) แล้วจึงน้ำเข้ำเผำ
ในเตำที่มีอุณ หภูมิสูง (1,000 – 1,400 องศำเซลเซียส) เพื่อให้ส่วนผสมเหล่ำนันหลอมตัวเข้ำ
เกำะกันด้วยพันธะชนิดหนึ่งซึ่งเรียกว่ำพันธะซิลิเกต (silicate bond) ได้เป็นสำรกรองที่มีสมบัติ
ใช้กรองของไหล (fluid) ต่ำง ๆ ได้ดี เพรำะสำรกรองเซรำมิกส์มีรูพรุน (pore size) และควำม-
พรุนตัว (porosity) เหมำะสมที่จะให้ของเหลวไหลผ่ำนไปได้แต่จะสกัดกันอนุภำคของของแข็ง
ที่แขวนลอยอยู่ในของเหลวได้บนผิวหรือภำยในตัวกลำงสำรกรอง

ตำรำงที่ 6.2 ตัวกลำงชนิดต่ำง ๆ และควำมสำมำรถในกำรกักอนุภำค

ชนิดของตัวกลำง ตัวอย่ำงสำรกรอง ขนำดอนุภำคที่เล็กที่สุด


ที่ถูกกักไว้
(ไมโครเมตร)
1. ตัวกลำงที่มีรูพรุนที่แน่นอน 1.1 สำรกรองเซรำมิกส์ 1
1.2 โลหะธำตุ 3
2. แผ่นโลหะ 2.1 แผ่นโลหะเจำะรู 100
2.2 ลวดโลหะถักเป็นแผ่น
3. พลำสติกที่มีรูพรุน 3.1 แผ่นพลำสติก 3
3.2 เยื่อพลำสติก 0.005
4. เส้นใยถัก 4.1 ผ้ำและเส้นใยสังเครำะห์ 10
5. หลอดทรงกระบอกก้นตัน 5.1 หลอดเส้นด้ำยหรือ 2
คล้ำยปลอกลูกปืน เส้นใยรูปทรงกระบอก
196

ตำรำงที่ 6.2 ตัวกลำงชนิดต่ำง ๆ และควำมสำมำรถในกำรกักอนุภำค (ต่อ)

ชนิดของตัวกลำง ตัวอย่ำงสำรกรอง ขนำดอนุภำคที่เล็กที่สุด


ที่ถูกกักไว้
(ไมโครเมตร)
6. ตัวกลำงที่เป็นแผ่น 6.1 แผ่นกระดำษ 5
6.2 แผ่นแก้ว 2
6.3 เสื่อและพรม 0.5
6.4 ผ้ำสักหลำด 10
7. ตัวกลำงที่เป็นของแข็ง 7.1 เส้นใยหิน เล็กมำก
น้ำมำท้ำเป็นรูปร่ำงต่ำง ๆ โดย 7.2 ดิน หินที่เป็นผง เช่น เล็กมำก
ให้ของแข็งเหล่ำนันเกำะกันด้วย ดินเบำ ดินไดอะตอม
แรงระหว่ำงอนุภำค ผงถ่ำน ดิน หิน กรวด
8. ตัวกลำงที่เป็นของเหลว 8.1 น้ำมันเหนียวข้น 10
9. พลังงำนและแรงดึงดูด 9.1 แรงดูดทำงไฟฟ้ำ เล็กมำก
9.2 แรงหนีศูนย์กลำง เล็กมำก
ที่มำ (Baylis, Gellans, & Oudsan, 1971, p. 20)

สารกรองเซรามิกส์

สำรกรองเซรำมิ กส์ (ceramic filter) ถูกผลิตขึนมำใช้ตังแต่ 500 ปีก่อนคริสตศักรำช


หลักฐำนที่ค้นพบเป็นแผ่นเซรำมิกส์ที่มีรูพรุน มีเส้นผ่ำศูนย์กลำงของรูประมำณ 1/4 นิว (Mark,
1966, p. 32) ปัจจุบันนิยมผลิตเป็นรูปทรงกระบอกกลวงที่มีควำมหนำพอเหมำะที่จะกรองของ-
เหลวได้ กำรกรองจะใช้แรงดันเข้ำช่วยให้อัตรำกำรไหลของน้ำเร็วขึน สำรกรองเซรำมิกส์เป็น
ที่นิยมมำกเนื่องจำกวัตถุดิบที่ใช้ผลิตมีรำคำถูกและกรรมวิธีกำรผลิตง่ำย ซึ่งสมบัติโดยทั่วไป
197

ของสำรกรองเซรำมิกส์คือ

1. มีควำมพรุนตัวสูง โดยควำมพรุนตัวเกิดจำกจ้ำนวนรูในปริมำตรทังหมดของ
สำรกรอง ซึ่งขนำดและรูปร่ำงของรูจะแปรเปลี่ยนตำมวิธีกำรผลิตและวัตถุดิบ
2. มีควำมแข็งแกร่ง สำรกรองเซรำมิกส์จะมีควำมต้ำนทำนต่อแรงกดดันทำงกล
(mechanical strength) และทนทำนต่อกำรกัดกร่อนจำกสำรเคมี
3. มีควำมต้ำนทำนต่อกำรเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิอย่ำงกะทันหันจึงสำมำรถน้ำไป
ใช้งำนในที่อุณหภูมิสูงได้
4. มีควำมต้ำนทำนต่อกำรเกิดสนิมและกำรขัดถู (corrosion and abrasion
resistance)

กำรน้ำสำรกรองเซรำมิกส์มำใช้ประโยชน์คือน้ำมำใช้กรองตะกอนและควำมขุ่นของ
ของเหลว นอกจำกนีสำรกรองเซรำมิกส์ที่มีเนือผลิตภัณฑ์เป็นชนิดพอร์สเลน (porcelain) จะใช้
กรองแบคทีเรีย (bacteria) ออกจำกน้ำได้ และในเครื่องมำโนมิเตอร์ (manometer) สำรกรอง
เซรำมิ ก ส์ จ ะใช้ ส้ ำหรับ อุด กั นไม่ ให้ป รอทล้ นออกมำ นอกจำกนี กำรกรองน้ำในท่ อ และในที่
อุณหภูมิสูงนิยมใช้สำรกรองเซรำมิกส์

วัตถุดิบที่ใช้ผลิตสารกรองเซรามิกส์

วัตถุดิบที่ใช้ในอุตสำหกรรมเซรำมิกส์ส่วนใหญ่รวมทังอุตสำหกรรมกำรผลิตสำรกรอง
เซรำมิกส์ได้มำจำกสินแร่ตำมธรรมชำติ เช่น ดินชนิดต่ำง ๆ หินฟันม้ำ หินควอตซ์ ทรำยทะเล
ทัลค์ (talc) หินไพโรฟิลไลต์ (pyrophyllite) หินโดโลไมต์ เป็นต้น นอกจำกนีวัตถุดิบบำงอย่ำง
ได้ จ ำกกำรสกั ด จำกสิ น แร่ธ รรมชำติ และน้ ำมำท้ ำให้ บ ริสุ ท ธิ์ ด้ วยกระบวนกำรทำงเคมี เช่ น
อะลูมินำ ซึ่งได้จำกแร่บอกไซต์ และสำรที่ได้จำกกำรสังเครำะห์เช่นแบเรียมทิทำเนต (barium
titanate) นอกจำกนีมีพวกเฟอร์ไรต์ (ferrite) และสำรอินทรีย์บำงชนิดที่ใช้เป็นตัวช่วยในกำร-
198

ขึนรูป เช่น แป้ง (starch) ไขหรือขีผึง (wax) เป็นต้น


กำรเลือกใช้วัตถุดิบเพื่อน้ำมำท้ำสำรกรองเซรำมิกส์ขึนอยู่กับชนิดของเนือผลิตภัณฑ์
ของตัวกรอง โดยวัตถุดิบที่ใช้ เช่น กรำไฟต์ ไดอะโตไมต์ (diatomite) อะลูมินำ ถ่ำน (carbon)
และถ้ำสำรกรองที่ต้องกำรท้ำเป็นเนือผลิตภัณฑ์ชนิดปอร์สเลนจะมีส่วนผสมของวัตถุดิบพวก
ดิน หินควอตซ์ และหินฟันม้ำ ซึ่งวัตถุดิบที่นิยมใช้เพื่อท้ำสำรกรองเซรำมิกส์มีดังต่อไปนี

1. ดินขาว
ดินขำวหรือที่เรียกว่ำเกำลิน (kaolin) โดยค้ำว่ำเกำลินมำจำกภำษำจีนแปลว่ำภูเขำสูง
ซึ่งเป็นแหล่งก้ำเนิดของดินขำวพบแห่งแรกที่ประเทศจีนจึงอำจเรียกว่ำดินจีน (China clay)
ดินขำวมีหลำยชนิดแตกต่ำงกันไปตำมแหล่งก้ำเนิดที่อยู่บนผิวโลกส่วนใหญ่เป็นดินที่เกิดอยู่ ใน
แหล่งผุพังของหินเดิม (residual clay) จึงเป็นเหตุให้ดินขำวมีขนำดอนุภำคใหญ่ เป็นผลให้มี
ควำมเหนียวน้อย ประกอบด้วยแร่เกำลินไนต์ (kaolinite) มำกกว่ำดินชนิดอื่น ๆ ดินขำวที่ขุด
ขึนมำใช้ในอุตสำหกรรมต่ำง ๆ มี 3 ชนิดคือ

1.1 ดินขำวที่มีควำมบริสุทธิ์และมีควำมทนไฟสูง สำมำรถน้ำมำใช้ท้ำผลิตภัณฑ์


เซรำมิกส์ได้
1.2 ดินขำวส้ำหรับใช้ในอุตสำหกรรมกระดำษ ท้ำสี ยำง ยำฆ่ำแมลง ปุ๋ย และ
อื่น ๆ ดินขำวชนิดนีจะมี เนือขำวบริสุทธิ์โดยไม่ ต้องผ่ำนควำมร้อนในกระบวนกำรผลิต เมื่ อ
น้ำไปใช้งำน
1.3 ดินสอพอง ไม่ใช่ดินขำวแต่มีลักษณะภำยนอกเหมือนดินขำวชำวบ้ำนจึงนิยม
เรียกว่ำดินขำว ควำมเป็นจริงแล้วเป็นสำรประกอบของแคลเซียมคำร์บอเนตที่เกิดจำกผลึกของ
หินปูนตำมธรรมชำติ มีลักษณะเป็นผลึกละเอียดสีขำว บำงครังเป็นสีชมพูและน้ำตำลอ่อน ซึ่ง
ใช้เป็นเนือดินปั้นขึนรูปไม่ได้

ดินขำวที่มีควำมบริสุทธิ์สูงเผำแล้วได้สีขำวบริสุทธิ์นิยมน้ำมำท้ำผลิตภัณฑ์พอร์สเลน
199

โบนไชนำ (bone China) และผลิตภัณฑ์เซรำมิกส์ที่มีเนือสีขำวทุกชนิด ดังนันสีดินภำยหลัง


กำรเผำจึงเป็นสิ่งส้ำคัญมำก ดินขำวมีสูตรทำงเคมีคือ Al2O3 . 2SiO2 . 2H2O ซึ่งประกอบด้วย
อะลูมินำร้อยละ 39.5 ซิลิกำร้อยละ 46.5 และน้ำร้อยละ 14.0 โดยประมำณ เมื่อน้ำดินขำว
มำเผำจะมีปฏิกิริยำเคมีที่อุณหภูมิต่ำง ๆ ดังนีคือ

เผำ 450OC
Al2O3 . 2SiO2 . 2H2O (kaolin) 3/2 Al2O3 . 2SiO2 . 2H2O (meta – kaolin)

เผำ 1,150 – 1,500OC เผำ 890 – 900OC


3Al2O3 . 2SiO2 (mullite) 3Al2O3 . SiO2 . SiO2 (spinel)

ด้ ำ นสมบั ติ ท ำงฟิ สิ ก ส์ ข องดิ น ขำวพบว่ ำ ดิ น ขำวมี ผ ลึ ก เป็ น แผ่ น หกเหลี่ ย ม เส้ น -


ผ่ำศูนย์กลำง 0.5 – 10.0 ไมโครเมตร มี ควำมเหนียวต่้ำ ควำมทนไฟ 1,750 – 1,770 องศำ-
เซลเซียส หดตัวน้อยและมีควำมแข็งแกร่งหลังเผำสูง ในประเทศไทยพบดินขำวหลำยแหล่ง
เช่นที่จังหวัดเชียงรำย ล้ำปำง อุตรดิตถ์ ปรำจีนบุรี ระนอง ชุมพร และจังหวัดนรำธิวำส ดิน -
ขำวมีหลำยเกรดหลำยคุณภำพ บำงแหล่งไม่สำมำรถน้ำมำท้ำเซรำมิกส์ได้ ซึ่งแหล่งดินขำวที่ใช้
ในอุตสำหกรรมเซรำมิกส์ ได้แก่ ดินขำวจังหวัดระนอง ชุมพร และจังหวัดนรำธิวำส โดยดิน-
ขำวจำกจังหวัดนรำธิวำสจะเป็นดินขำวคุณภำพปำนกลำงมีแร่เกำลินไนต์ที่มีควำมบริสุทธิ์และ
มีควำมขำวมำกกว่ำดินขำวล้ำปำงซึ่งเป็นดินขำวที่ใช้ในอุตสำหกรรมเซรำมิกส์อีกแหล่งหนึ่ง
ดินขำวจังหวัดล้ ำปำงเป็นดินขำวเซอริไซต์ (sericite) มีแร่ไมกำเป็นส่ วนประกอบหลัก มี แร่ -
เกำลินไนต์ประกอบอยู่เป็นส่วนน้อย หรือแร่เกำลินไนต์ที่มีในองค์ประกอบของดินขำวล้ำปำงมี
คุณภำพต่้ำ (disordered kaolinite) แร่เซอริไซต์นีเกิดจำกกำรผุพังของหินแกรนิตซึ่งกลำยเป็น
แร่เฟลด์สปำร์ก่อนที่จะกลำยเป็นแร่เกำลินไนต์จึงเป็นแร่เกำลินไนต์ที่ไม่สมบูรณ์
ในอุตสำหกรรมกำรท้ำสำรกรองเซรำมิกส์ ดินขำวจะมีสมบัติเป็นสำรที่ให้ควำมเหนียว
ช่วยให้สะดวกในกำรขึนรูปโดยเฉพำะกำรขึนรูปด้วยกำรหล่อแบบ นอกจำกนีดินขำวมีสมบัติ
เป็นตัวทนไฟจึงช่วยให้สำรกรองเซรำมิกส์ทนต่อกำรเผำที่อุณหภูมิสูงเกิดควำมแข็งแกร่งหลัง
เผำ
200

2. ดินดา
ดิ น ด้ ำ หรื อ ดิ น เหนี ย วขำวเกิ ด จำกดิ น ขำวซึ่ ง ถู ก พั ด พำ (sedimentary clay) ไปตก-
ตะกอนสะสมในแหล่งใหม่ ดินด้ำเป็นดินที่มีขนำดผลึกละเอียดมำกอนุภำคของดินยึดเกำะกัน
ได้ดี มีอินทรียสำรที่มีโครงสร้ำงคล้ำยกับที่พบในถ่ำนหินลิกไนต์เจือปนอยู่ จึงช่วยให้ดินด้ำมี
ควำมเหนียวและท้ำให้มีสีเปลี่ยนไปจำกสีขำวกลำยเป็นสีเทำจนถึงสีด้ำ แต่เมื่อน้ำไปเผำใน
อุ ณ หภู มิ สู ง เนื อดิ น จะมี สี ข ำวถึ ง สี ค รี ม เพรำะอิ น ทรี ย สำรต่ ำ ง ๆ ถู ก เผำไหม้ ห มดไปจำก
องค์ประกอบทำงเคมีของเนือดิน ดินด้ำมีควำมทนควำมร้อนได้ถึง 1,300 องศำเซลเซียสโดย
ไม่บิดเบียว มักเป็นดิ นที่มีคุณภำพดี นิยมน้ำมำใช้ผสมในผลิตภัณฑ์สีขำว เช่น พอร์สเลน
โบนไชนำ และไวท์ เอิร์ทเธิ นแวร์ (white earthenware) ส่วนดิ นด้ำที่มี คุณ ภำพปำนกลำงมี
ทรำยเจือปนอยู่ค่อนข้ำงมำกใช้ท้ำเนือดินที่ขึนรูปด้วยแป้นหมุน ท้ำท่อน้ำ หรือผสมในเนือดินท้ำ
กระเบืองปูพืน
ชื่ อดิ นด้ ำที่เรียกว่ำบอลเคลย์ (ball clay) ได้ม ำจำกวิธี ขุด ดิน จำกเหมื องในประเทศ
อังกฤษ เพื่อสะดวกในกำรล้ำเลียงและกำรขนส่งดินด้ำจึงถูกตัดเป็นก้อนสี่เหลี่ยมลูกบำศก์มี
น้ำหนักโดยประมำณก้อนละ 30 – 35 ปอนด์ (13 – 15 กิโลกรัม) เมื่อล้ำเลียงขึนรถคนงำนจะ
ใช้วิธีโยนรับส่งทีละก้อนแบบโยนลูกบอล (ลูกแตงโม) ส่งต่อกันซึ่งกำรขนถ่ำยลงจำกรถก็ใช้วิธีนี
เช่นเดียวกัน ดินเหนียวจึงถูกเรียกว่ำบอลเคลย์
ในดิ น ด้ำประกอบด้วยแร่เกำลิน ไนต์ เป็ น ส่วนใหญ่ เช่ น เดีย วกับ ดิน ขำวแต่ เป็ น ผลึ ก
เกำลินไนต์ชนิดไม่สมบูรณ์ ในระหว่ำงผลึกมีแร่ธำตุและอินทรียสำรแทรกอยู่ ส่วนประกอบ
ทำงเคมีโดยประมำณของดินด้ำจะมีซิลิกำร้อยละ 40 – 60 อะลูมินำร้อยละ 30 น้ำผลึกและ
อินทรียสำรประมำณร้อยละ 10 นอกจำกนียังมีแร่ธำตุอื่น ๆ ปะปนอยู่ในดินด้ำ เช่น ไทเทเนียม
เฟอร์ริก แคลเซียม แมกนีเซียม เหล็กซัลเฟต (FeS) โพแทสเซียม และโซเดียม เป็นต้น ดินด้ำ
มีควำมแตกต่ำงกันมำกตำมลักษณะและแหล่งก้ำเนิดจึงท้ำให้ดินด้ำมีสูตรทำงเคมีแตกต่ำงกัน
ดินด้ำทั่วไปมี สู ตรทำงเคมี คื อ Al2O3 . 4SiO2 . 2H2O. 0.1K2O ประกอบด้วยอะลูมินำร้อยละ
20 – 25 ตำมผลวิเครำะห์ทำงเคมี ส่วนดินด้ำส้ำหรับอุตสำหกรรมมี สูตรทำงเคมี คือ Al2O3 .
2SiO2. 2H2O. 0.1K2O มีอะลูมินำร้อยละ 30 – 38 ตำมผลวิเครำะห์ทำงเคมี และถ้ำเป็นดินด้ำ
201

ปนทรำยมี สูตรทำงเคมีคือ Al2O3 . 9SiO2 . 2H2O. 0.2K2O มี ซิลิกำตำมผลวิเครำะห์ทำงเคมี


ร้อยละ 60 – 80
สมบัติทำงฟิสิกส์ของดินด้ำมีดังต่อไปนี

2.1 ขนำดของอนุภำคจะละเอียดมำกหรือน้อยเพียงใดเปลี่ยนแปลงตำมแหล่งที่
พบ หำกถูกพัดพำไปไกลจำกแหล่งเดิมมำกขนำดเม็ดอนุภำคจะละเอียดมำกขึนตำมล้ำดับ
โดยทัว่ ไปมีขนำดเส้นผ่ำศูนย์กลำงประมำณ 0.05 – 1.00 ไมโครเมตร
2.2 ควำมเหนียว ดินด้ำเป็นดินที่ดูดซับน้ำได้มำก ควำมเหนียวจะมำกหรือน้อย
ขึนอยู่กับชนิดของดิน ซึ่งประกอบด้วยหลักส้ำคัญคือปริมำณของอินทรียสำร ขนำดของเม็ดดิน
และวัตถุดิบที่ให้ควำมเหนียว เช่น ดินเบนโทไนต์
2.3 กำรหดตัวเมื่อแห้ง (drying shrinkage) ดินด้ำที่มีทรำยปนอยู่สูงแทบไม่มี
กำรหดตัวเลย แต่ดินด้ำที่มีอินทรียสำรสูงจะมีกำรหดตัวมำกประมำณร้อยละ 13 – 17
2.4 กำรหดตัวหลังเผำ (firing shrinkage) มีกำรหดตัวสูงประมำณร้อยละ 15
เนื่องจำกดินด้ำมีขนำดอนุภำคเล็กมำกจึงมีกำรหดตัวมำกหลังกำรเผำ
2.5 ควำมแข็งแรงของดินเมื่อแห้ง (green strength) ดินด้ำเมื่อแห้งสนิทจะมี
ควำมแข็งแรงสูงประมำณ 100 – 1,000 ปอนด์ต่อตำรำงนิว (psi.)
2.6 สีหลังเผำเป็นสีขำวนวลถึงสีครีม
2.7 มีแร่ธำตุพวกด่ำงและไมกำในดินด้ำท้ำหน้ำที่เป็นตัวหลอมละลำยและช่วยลด
อุณหภูมิในกำรเผำ

แหล่ งดินด้ำในประเทศไทยได้แก่ที่ จัง หวัดนครศรีธรรมรำช สุรำษฎร์ธ ำนี เชียงใหม่


เชียงรำย ล้ำปำง และจังหวัดปรำจีนบุรี เป็นต้น ดินด้ำที่น้ำมำใช้เป็นส่วนผสมของเนือดินปั้น
เพื่อขึนรูปสำรกรองเซรำมิกส์จะช่วยเพิ่ มควำมเหนียวท้ำให้สำมำรถขึนรูปได้ดีขึน นอกจำกนี
ช่วยให้ผลิตภัณฑ์ก่อนเผำมีควำมแข็งแรงมำกขึนเป็นผลให้กำรสูญเสียเนื่องจำกกำรแตกหัก
ของผลิตภัณฑ์ก่อนเผำลดน้อยลง ดินด้ำบำงชนิดมีควำมสำมำรถท้ำให้เกิดปฏิกิริยำระหว่ำง
202

มวลสำรในเนือดินในขณะท้ำกำรเผำเป็นผลท้ำให้ผลิตภัณฑ์ มีเนือแน่นเป็นเนือเดียวกันตลอด
แต่อย่ำงไรก็ตำมกำรใช้ดินด้ำในเนือผลิตภัณฑ์ก็มีข้อเสียอยู่บ้ำงคือในดินด้ำมั กมีสิ่งสกปรก
เจือปน (impurity) เช่น เหล็กออกไซด์ ทิเทเนียมออกไซด์ ซึ่งเป็นตัว ท้ำให้ควำมขำวของเนือ-
ผลิตภัณฑ์เสียไป ดินด้ำท้ำให้ควำมโปร่งแสงของผลิตภัณฑ์น้อยลง ดินด้ำมักมีส่วนประกอบ
ไม่ แน่น อนเนื่ องจำกมี สิ่ งเจื อ ปนดังกล่ำวมำแล้วท้ ำให้ เกิดควำมยุ่ งยำกในกำรควบคุม เนือ-
ผลิตภัณฑ์

3. หินเขี้ยวหนุมานหรือควอตซ์
ในผลิตภัณ ฑ์เซรำมิกส์ หินเขียวหนุมำนเปรียบเสมือนโครงกระดูก ส่วนดินท้ำหน้ำที่
เป็นเนือ หินเขียวหนุมำนช่วยท้ำให้ผลิตภัณฑ์แข็งแรงไม่โค้งงอและช่วยท้ำให้กำรหดตัวทังก่อน-
เผำและหลั ง เผำลดลง ในเนื อดิ น ปั้ น ถ้ ว ยชำมชั นดี จ ะมี หิ น เขี ยวหนุ ม ำนผสมอยู่ ร้ อ ยละ
10 – 30 (ปรีดำ พิมพ์ขำวข้ำ, 2532, หน้ำ 78) โดยหินเขียวหนุมำนมีสมบัติตำมตำรำงที่ 6.3

ตำรำงที่ 6.3 สมบัติของหินเขียวหนุมำน

สมบัติ (property) ค่ำ (value)


ควำมถ่วงจ้ำเพำะ (specific gravity) 2.651
จุดหลอมตัว (melting point) 1,728 OC
ควำมแข็ง (Knoop hardness) 820
สัมประสิทธิ์กำรขยำยตัว (ในแนวขนำน) 7.5 X 10 –6 cm / OC
(coefficient of expansion)
ดรรชนีหักเหของแสง (refractive index) 1,544
โครงสร้ำงของผลึก (crystal system) hexagonal
ค่ำคงที่ไดอิเลคตริค (dielectric constant) 4.5
ที่มำ (Peter, 1954, p. 137)
203

โครงสร้ำงอะตอมของหินเขียวหนุมำนเป็นร่ำงแหสำมมิติเกิดจำกออกซิเจนอะตอมทังสี่
ของเตตรำฮีดรอน (tetrahedron) หลำย ๆ รูปเชื่อมโยงกันอย่ำงต่อเนื่อง กำรเชื่อมโยงกันเช่นนี
ท้ำให้ผลึกแข็งแรงดังนันหินเขียวหนุมำนจึงจัดเป็นพวกซิลิเกตมำกกว่ำพวกออกไซด์ พันธะของ
มันแข็งแรงมำกจึงท้ำให้มันมีจุดหลอมตัวสูงมำก แหล่งของหินเขียวหนุมำนในประเทศไทยเช่น
จังหวัดจันทบุรี นอกจำกนีทรำยทะเลหลำยแห่งในประเทศไทยซึ่งมีส่วนประกอบทำงเคมีเป็น
SiO2 ในปริมำณสูงเช่น จังหวัดระยอง และจังหวัดสงขลำ เป็นต้น

ผลวิเครำะห์ทำงเคมีของหินเขียวหนุมำนตำมธรรมชำติประกอบด้วย (ปรีดำ พิมพ์ขำว-


ข้ำ, 2532, หน้ำ 82)

ซิลิกอนไดออกไซด์ (SiO2) ร้อยละ 97.85 – 99.8


อะลูมิเนียมออกไซด์ (Al203) ร้อยละ 0.09 – 0.17
เฟอร์ริกออกไซด์ (Fe203) ร้อยละ 0.02 – 0.89
ทิเทเนียมไดออกไซด์ (TiO2) ร้อยละ 0.00 – 0.01
แคลเซียมออกไซด์ (CaO) ร้อยละ 0.00 – 0.20
แมกนีเซียมออกไซด์ (MgO) ร้อยละ 0.00 – 0.09
โซเดียมออกไซด์ (NaO) ร้อยละ 0.00 – 0.56
น้ำ (H20) ร้อยละ 0.00 – 1.10
อินทรียสำร (organic matter) ร้อยละ 0.00 – 0.50

หิน เขียวหนุม ำนที่ ใช้ ในอุต สำหกรรมมี ชื่ อเรีย กว่ำพอตเตอร์ฟ รินต์ (potter’s flint) มี
ขนำดอนุภำคต่้ำกว่ำ 30 ไมโครเมตร โดยเฉลี่ยร้อยละ 50 กำรควบคุมขนำดของอนุภำคของ
หินเขียวหนุมำนมีควำมส้ำคัญ เนื่องจำกขนำดมีอิทธิพลต่อสมบัติของผลิตภัณฑ์ทังก่อนและ
หลังกำรเผำ
204

4. ดินเบา (diatomite)
ดิ น เบำหรื อ ไดอะโตไมต์ เป็ น แร่ ที่ มี น้ ำ หนั ก เบำมำก จั ด อยู่ ในจ้ ำ พวกหิ น ซิ ลิ เชี ย ส
(siliceous) ชนิดหนึ่ง ประกอบด้วยซำกของไดอะตอม (diatoms) เป็นส่วนใหญ่ โดยไดอะตอม
พวกนี เป็ นจุ ล ชี พ สำหร่ำยพวกบำซิ ลลำเรีย (bacillaria) แขวนตัวอยู่ทั งในน้ำจื ด และน้ำเค็ ม
ผสมกับวัสดุอื่น ๆ เช่น ดิน คำร์บอเนต หรือซิลิกำ แหล่งก้ำเนิดของแร่ดินเบำคือไดอะตอมที่
ยังมีชีวิตอยู่ โดยไดอะตอมหรือต้นพืชไร้ดอกขนำดเล็กชนิดนีมีควำมสำมำรถในกำรแยกซิลิกำ
ออกจำกของเหลวในตั ว มั น เองแล้ ว น้ ำ มำสร้ำ งเปลื อ กหุ้ ม ตั ว ซึ่ ง เป็ น พวกอะมอร์ฟั ส ซิ ลิ ก ำ
(amorphous silica) เป็ น ส่ ว นใหญ่ เมื่ อ ไดอะตอมตำยก็ จ ะตกลงสู่ ท้ อ งน้ ำ ทั บ ถมกั น
เช่นเดียวกับตะกอนทังหลำย ส่วนที่เป็นอินทรียวัตถุจะสลำยตัวไปหมดหรืออำจจะคงเหลืออยู่
บ้ำงภำยใต้สภำวะที่เหมำะสมต่อกำรสะสมตัว ซำกเหล่ำนีจะสะสมจนมีควำมหนำมำกขึน
และค่อย ๆ จับตัวกันแน่นเข้ำจนกลำยเป็นแหล่งดินเบำ เมื่อ แหล่งที่เกิดกำรสะสมของซำกได
อะตอมนีถูกยกตัวขึนพ้นระดับน้ำ มีกำรช้ำระล้ำงท้ำลำยเป็นตะกอนและเกิดกำรทับถมสะสม
ตัวใหม่ กลำยเป็นแหล่งแร่ที่น่ำสนใจในปัจ จุบัน กำรสะสมตัวที่อยู่ใต้ผืนน้ำไม่ ถูกยกตัวพ้น
ระดับน้ำขึนมำจะมีควำมส้ำคัญทำงด้ำนเศรษฐกิจก็ต่อเมื่อแหล่งสะสมนันมีขนำดใหญ่เพียงพอ
และเป็ น แร่บ ริสุ ท ธิ์ แหล่ ง สะสมจะมี ข นำดใหญ่ มั ก เกี่ ย วข้ อ งกั บ หิ น ภู เขำไฟหนึ่ ง ชนิ ด หรือ
มำกกว่ำ สรุปได้ว่ำสำรละลำยซิลิกำจำกแหล่งต้นก้ำเนิดจะต้องให้ซิลิกำเป็นเวลำนำนเพื่อให้ได้
ชันหินชนิดนีในบริเวณควำมลึกมำก ๆ
ส่วนประกอบทำงเคมีของดินเบำบริสุทธิ์ป ระกอบด้วยไฮดรัสซิลิกำ (hydrous silica)
กับสำรอนินทรีย์อื่น ๆ เล็กน้อย เช่น อะลูมินำ เหล็ก อัลคะไล เป็นต้น ดินเบำดิบอำจจะมี
อินทรียสำรและพวกเกลือละลำยผสมอยู่ รวมทังชินส่วนของแร่ประกอบหิน ทรำย ดิน หรือ
สำรประกอบคำร์บอเนต (carbonate) ในปริมำณต่ำง ๆ กัน สมบั ติ ท ำงฟิ สิ ก ส์ ข องดิ น เบำใน
แหล่งสะสมที่แห้งแล้งซึ่งเป็นแหล่งสะสมที่ส้ำคัญของโลกมักจะมีน้ำหนักเบำ สีค่อนข้ำงขำว
หรือสีครีมคล้ำยกับพวกชอล์ก โดยทั่วไปแหล่งดินเบำที่เกิดในแอ่งน้ำจืดมักจะมีสำรอินทรีย์
ปะปนอยู่ด้วย สำรที่ปรำกฏมักจะท้ำให้สีแตกต่ำงออกไปจำกสีน้ำตำลอ่อนหรือสีเทำอ่อนถึงสี
น้ำตำลเขียวหรือเกือบด้ำ ซึ่งยำกแก่กำรแยกจำกสำรพวกที่คล้ำยถ่ำนหิน (peat like material)
205

ในโครงสร้ำงของดินเบำอำจจะเป็นแบบเนือแน่นหรือเป็นลำย ควำมแข็งของอนุภำคดินเบำตำม
สเกลควำมแข็งมำตรฐำนโมห์ (Mohs’ Scale of Hardness) อยู่ระหว่ำง 4.5 – 6 แต่ควำมแข็ง
ปรำกฏของแร่ดิ นเบำเนือแน่นประมำณ 1.5 ทังนี เนื่องจำกควำมหนำแน่นปรำกฏน้ อยและ
ควำมร่วนของเนือดินที่มีรูพรุน ควำมถ่วงจ้ำเพำะของดินเบำเมื่อบริสุทธ์ประมำณ 2.1 – 2.2
และเมื่อแห้งจะมีควำมถ่วงจ้ำเพำะน้อยกว่ำ 1 ดังนันแร่ดินเบำจะลอยน้ำได้จนกว่ำจะอมน้ำจน
อิ่มตัว ควำมหนำแน่นปรำกฏ 5 – 16 ปอนด์ต่อลูกบำศก์ฟุต ควำมหนำแน่นเมื่อเปียก 10 –
20 ปอนด์ต่อลูกบำศก์ฟุต ดัชนีกำรหักเหของแสง 1.42 – 1.48 ไม่ละลำยในกรดแต่ละลำยได้
ง่ำยในด่ำง

ประโยชน์ในทำงด้ำนอุตสำหกรรมของดินเบำอำจแบ่งออกได้ดังนี

4.1 ใช้เป็นตัวกรอง (filtering agent) ได้แก่กำรกรองสิ่งสกปรกหรือสิ่งที่ไม่ต้องกำร


ออกจำกของเหลวพวกสำรเคมี ถลุงแร่โลหะ ใช้ผสมในยำ เครื่องดื่ม น้ำมันปิโตรเลียม น้ำยำ-
ซักแห้ ง เป็น ต้น ในช่ วง 10 ปี ที่แล้ วมำ ได้มี กำรวิวัฒ นำกำรใช้ แร่ดิ นเบำในกำรกรองน้ำโดย
ขันแรกใช้ในทำงทหำร ต่อมำใช้กันอย่ำงแพร่หลำยในกำรท้ำควำมสะอำดสระว่ำยน้ำ ถังจ่ำย
น้ำอุ่น ท่อน้ำมัน และในวงกำรอุตสำหกรรม
4.2 ใช้ดินเบำเป็นวัตถุดิบในกำรท้ำฉนวนกันควำมร้อนและเสียง
4.3 ใช้เป็นตัวเติม (mineral fillers) ในอุตสำหกรรมต่ำง ๆ เรียงตำมล้ำดับ ควำม-
ส้ำคัญ คือ ผสมท้ำสีทำภำยในอำหำร กระดำษ ยำฆ่ำแมลง พลำสติก แอสฟัลต์ ปุ๋ย ท่อ
หมึกพิมพ์ วัตถุระเบิด ไม้ขีดไฟ และทันตกรรม
4.4 ดินเบำที่ใช้เป็นตัวดูดซับ (absorbent) ใช้ส้ำหรับเป็นสำรเคมีท้ำลำยเชือโรค
ท้ำดินระเบิด เชือเพลิงแข็ง ประโยชน์อีกลักษณะหนึ่งคือใช้ในอุตสำหกรรม เกี่ยวกับสำรท้ำ -
ควำมสะอำดพืน
4.5 ใช้เป็นวัตถุขัดสีอย่ำงอ่อน (mild abrasive) สำรขัดเครื่องเงิน โลหะ และรถ-
ยนต์จะมีส่วนผสมของดินเบำ
206

4.6 ใช้ดินเบำในโรงงำนผลิตสีสังเครำะห์และเม็ดสี (synthetic ultramarine and


pigment) นอกจำกนีใช้เป็นส่วนผสมในโรงงำนเซรำมิกส์ คอนกรีต และซีเมนต์
4.7 ใช้เป็นวัตถุส้ำหรับก่อสร้ำงประเภทน้ำหนักเบำในรูปของอิฐบล็อก กระเบือง
โดยอำจผสมกับดิน ยิปซัม และปูนขำว
4.8 ประโยชน์ต่อกำรกสิกรรมโดยช่วยป้องกันไม่ให้ปุ๋ยแอมโมเนียมไนเตรตแข็งตัว
และยังใช้กับปุ๋ยเคมี

แหล่งดินเบำของโลกมีทังชนิดที่เกิดในน้ำทะเลและน้ำจืดมีอำยุต่ำง ๆ กัน ตังแต่ยุค


น้ำแข็งตอนกลำงของยุคควอเทอร์นำรี (quaternary) ถึงเทอเทียรี (tertiary) แหล่ง สะสมใน
บริเวณที่ครีทำเซียส (cretaceous) บ้ำง แต่แหล่งดินเบำนีมักจะมีคุณภำพค่อนข้ำงต่้ำและไม่มี
คุณ ค่ำทำงเศรษฐกิจ แหล่ งดิ นเบำในประเทศไทยพบที่จั งหวัดล้ำปำงกระจัด กระจำยอยู่ 5
แหล่ ง คื อที่ บ้ ำนม่ อ นหิ น แก้ว ต้ ำ บลวัง พร้ำว อ้ ำเภอเกำะคำ ที่ วัด ม่ อ นคี รีวัน ต้ ำบลพิ ชั ย
อ้ำเภอเมือง ที่บ้ำนห้วยน้ำเค็ม ต้ำบลบ้ำนแลง อ้ำเภอเมือง ที่บ้ำนหนองถ้วย ต้ำบลนำครัว
อ้ำเภอแม่ทะ และที่ต้ำบลกล้วยแพะ อ้ำเภอเมือง แหล่งแร่นีแผ่อำณำเขตเป็นบริเวณกว้ำง
ชันดินเบำมีควำมหนำประมำณ 1 – 10 เมตร ดินผิวหน้ำประกอบด้วยกรวด ทรำย และลูกรัง
หนำประมำณ 4 เมตร ตัวไดอะตอมที่พบเป็นชนิดที่อำศัยอยู่ในน้ำจืด (สักขี แสนสุภำ, 2523,
หน้ำ 40)

5. ไพโรฟิลไลต์ (pyrophillite)
แหล่งที่พบไพโรฟิลไลต์ในประเทศไทยคือที่เขำชะโงก ต้ำบลเขำชะโงก อ้ำเภอบ้ำนนำ
จั ง หวัด นครนำยก ชำวบ้ ำนเรียกไพโรฟิ ล ไลต์ ว่ำหิ น สบู่ ซึ่ ง กรมทรัพ ยำกรธรณี กระทรวง -
อุตสำหกรรมได้ วิเครำะห์แล้ วพบว่ำ แร่ไพโรฟิ ลไลต์นี มี ชื่ อว่ำดิก ไกต์ (dickite) ต่อมำบริษั ท
ปูนซีเมนต์ไทยจ้ำกัดได้ส้ำรวจพบแหล่งใหม่ที่ต้ำบลซ้ำผักแผว อ้ำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี
แร่ไพโรฟิลไลต์ที่พบเกิดเป็นสำยแร่แทรกอยู่ในระหว่ำงหินควอตซ์เนือละเอียด (chalcedonies
quartz) กำรใช้ประโยชน์ของไพโรฟิลไลต์คือใช้ผสมท้ำอิฐทนไฟและดินทนไฟ นอกจำกนี
207

ใช้เป็นวัตถุดิบในส่วนผสมของวัสดุเซรำมิกส์ เช่นพวกเครื่องสุขภัณฑ์และใช้ท้ำปูนซีเมนต์ขำว

6. ผงถ่านไม้
กำรน้ำผงถ่ำนไม้มำใช้จะต้องน้ำมำบดให้เป็นผงละเอียด กรองผ่ำนตระแกรง 100 เมช
และน้ำมำผสมลงในเนือดินปั้นเพื่อเป็นกำรเพิ่มรูพรุนขนำดเล็กให้กับไส้กรองเซรำมิกส์ เมื่ อ
ผงถ่ำนได้รับควำมร้อนสูงจะถูกเผำไหม้และสลำยตัวไปท้ำให้เกิดช่องว่ำงมำกขึน ทังนีเพรำะ
ผงถ่ำนไม้เป็นสำรประกอบคำร์บอนสำมำรถถูกเผำไม้เป็นกำซคำร์บอนไดออกไซด์ที่อุณหภูมิ
ไม่ เกิน 1,000 องศำเซลเซี ยส นอกจำกนีผงถ่ำนไม้ ในอัตรำส่วนผสมของไส้กรองเซรำมิ กส์
จะช่วยให้สำรกรองเซรำมิกส์นีมีน้ำหนักเบำขึน

การผลิตสารกรองเซรามิกส์

ลักษณะของสำรกรองเซรำมิ กส์ที่ใช้กันอยู่มี 2 ลักษณะคือสำรกรองเซรำมิ กส์ที่เป็น


แผ่นกลมและสำรกรองเซรำมิกส์ที่เป็นทรงกระบอกกลวง ซึ่งทังสองลักษณะมีกรรมวิธีกำรผลิต
ที่ แ ตกต่ ำ งกั น โดยลั ก ษณะสำรกรองเซรำมิ ก ส์ ที่ เป็ น แผ่ น กลมจะใช้ ก รรมวิ ธี ก ำรผลิ ต แบบ
กำรอัดเพื่อขึนรูป ส่วนสำรกรองเซรำมิกส์ที่มีลักษณะเป็นทรงกระบอกกลวงจะใช้กำรขึนรูปโดย
กำรหล่อกลวง ตำมรำยละเอียดดังต่อไปนี

1. กรรมวิธีการผลิตแบบการอัด
กำรผลิตสำรกรองเซรำมิกส์โดยวิธีอัดจะใช้กับสำรกรองเซรำมิกส์ที่มีลักษณะเป็นแผ่น
อำจเป็นรูปทรงกลม สี่เหลี่ยม หกเหลี่ยม หรืออื่น ๆ กำรขึนรูปท้ำได้โดยกำรอัดดินผง (powder)
ลงในแบบพิมพ์ปลำสเตอร์หรือแบบพิมพ์โลหะ ซึ่ง อำจจะใช้แรงคนหรือเครื่องอัดไฮดรอลิก
(hydraulic press) กำรควบคุมคุณ ภำพของกำรขึนรูปสำรกรองเซรำมิกส์โดยกำรอัดนีต้อง-
ควบคุมปริมำณควำมชืนของเนือดิน น้ำหนักของผงดินที่ใช้ในกำรขึนรูปแต่ละครัง รวมถึงแรง-
อัดที่ใช้ในกำรอัดขึนรูป หลังจำกได้สำรกรองเซรำมิกส์ ที่ขึนรูปได้ตำมควำมต้องกำรแล้วต้อง
208

ท้ำให้สำรกรองนีแห้ง ก่อนที่จะท้ำกำรเผำในอุณหภูมิตำมต้องกำร ซึ่งขึนอยู่กับชนิดของเนือ-


ดินปั้น ชนิดของวัตถุดิบที่ใช้ อัตรำส่วนผสม รวมทังสมบัติของสำรกรองเซรำมิกส์ที่ต้องกำร
2. กรรมวิธีการผลิตแบบหล่อกลวง
กำรผลิตสำรกรองเซรำมิกส์แบบหล่อกลวงจะใช้ส้ำหรับกำรขึนรูปสำรกรองเซรำมิกส์
ที่มี ลั กษณะเป็ นทรงกระบอกกลวง ซึ่ งกำรผลิตจะกระท้ำเช่ นเดียวกับกำรผลิตผลิตภัณ ฑ์ -
เซรำมิ กส์โดยทั่วไปนั่นคือมี แบบพิม พ์จำกปูนปลำสเตอร์ ใช้เนือดินปั้นที่อยู่ในรูปของน้ำดิน
(slip) ท้ำกำรหล่อน้ำดินลงในแบบพิมพ์ปลำสเตอร์ ทิงไว้ระยะเวลำหนึ่งให้น้ำดินเกำะผิวแบบ-
พิมพ์ปลำสเตอร์ด้ำนในจนกระทั่งมีควำมหนำของสำรกรองเซรำมิกส์ตำมควำมต้องกำร จึงเท
น้ำดินที่เหลือออก ทิงสำรกรองเซรำมิกส์ไว้ในแบบพิมพ์ให้แห้งจนกระทั่งสำมำรถเคลื่อนย้ำย
ออกจำกแบบพิมพ์ได้ ตกแต่ง ท้ำให้แห้งและท้ำกำรเผำ ซึ่งมีกรรมวิธีและกำรควบคุมคุณภำพ
เช่นเดียวกับกำรขึนรูปโดยใช้ดินผง ที่แตกต่ำงกันคือน้ำดินที่ใช้ส้ำหรับกำรขึนรูปด้วยกำรหล่อ -
แบบต้องควบคุมให้มีควำมหนำแน่นเหมำะสม กำรไหลตัวดี และมีกำรทดสอบสมบัติเพื่อกำร-
หล่อเพื่อให้ได้สำรกรองเซรำมิกส์ที่มีคุณภำพสม่้ำเสมอ
209

กระบวนการผลิตสารกรองเซรามิกส์

แบบการอัด แบบหล่อน้าดิน

ผงดิน น้าดิน

อัดขึนรูป หล่อแบบกลวง

ท้าให้แห้ง

ตกแต่ง

เผำ (1,000 – 1,500 OC)

ตรวจสอบสมบัติของผลิตภัณฑ์
ภำพที่ 6.2 กระบวนกำรผลิตสำรกรองเซรำมิกส์
ที่มำ (เทิดพงษ์ ประเสริฐวิกัย, 2524, หน้ำ 54 – 56)

ตำรำงที่ 6.4 อัตรำส่วนผสมของเนือดินปั้นส้ำหรับผลิตสำรกรองเซรำมิกส์

สมบัติ สูตรที่ 1 สูตรที่ 2


อัตรำส่วนผสม (ร้อยละ)
ดินด้ำ 30.59 30.59
ดินขำว 34.12 34.12
หินเขียวหนุมำน 35.29 35.29
ผงถ่ำนไม้ 30.0 20.0
ดินเบำ - 10.0
อุณหภูมิกำรเผำ (OC) 1,000 – 1,050 1,000 – 1,050
ที่มำ (เทิดพงษ์ ประเสริฐวิกัย, 2524, หน้ำ 85 – 86)
210

บทสรุป

กำรกรองได้แก่กำรแยกสิ่งปฏิกูลออกจำกของไหลโดยผ่ำนสำรกรองที่มีลักษณะเป็นรู
พรุน หรือเป็นเม็ดขนำดเล็ก มีช่องว่ำงให้น้ำไหลผ่ำนโดยแรงโน้มถ่วงของโลกหรือใช้แรงกล เช่น
แรงดันและแรงหนีศูนย์กลำง แต่สิ่งปฏิกูลไม่สำมำรถผ่ำนช่องว่ำงของสำรกรองไปได้ โดยกำร-
กรองมี 2 ประเภทคือกำรกรองโดยใช้ควำมดันคงที่และกำรกรองโดยให้อัตรำกำรไหลของของ-
เหลวคงที่ ซึ่งกำรกรองแต่ละประเภทนันมีสำรกรองที่จะเลือกใช้ตำมควำมเหมำะสมกับลักษณะ
กำรกรองได้ 7 ประเภทคือ สำรกรองเส้นใยที่ทอจำกไนล่อน ขนแกะ ด้ำย ผ้ำ กระดำษ หรือ
ฝอยแก้วและฝอยโลหะ สำรกรองทรำยเป็นสำรกรองที่หำง่ำยและรำคำถูก สำรกรองถ่ำนหิน -
แอนทรำไซด์ที่นิยมใช้ในหม้อไอน้ำเพรำะไม่ท้ำให้เกิดตะกรัน สำรกรองถ่ำนไวสำมำรถดูดสีและ
กลิ่นได้ สำรกรองดินเบำที่มีควำมละเอียดสูงแต่อุดตันได้เร็ว สำรกรองทรำยเฟอโรมีสมบัติ
ในกำรกรองและช่วยดูดซับกลิ่นเพรำะมีประจุไฟฟ้ำ และสำรกรองเซรำมิกส์ที่มีควำมพรุนตัวสูง
แข็งแกร่ง ใช้งำนที่อุณหภูมิสูงได้ และทนต่อกำรเกิดสนิมและกำรขัดถู ซึ่งสำรกรองเซรำมิกส์
สำมำรถผลิ ตได้ 2 ลั กษณะคือเป็ นแผ่นกลมและเป็นทรงกระบอกกลวง โดยมี วิธีกำรผลิตที่
แตกต่ำงกันแต่วัตถุดิบที่ใช้ส่วนมำกได้แก่ ดินขำว ดินด้ำ หินเขียวหนุมำน ดินเบำ ไพโรฟิลไลต์
และผงถ่ำนไม้
211

แบบฝึกหัดประจาบทที่ 6

คาสั่ง ตอบค้ำถำมต่อไปนี

1. กำรกรองหมำยถึงกำรปฏิบัติเช่นไร
2. สำรกรองมีลักษณะอย่ำงไรและมีบทบำทอย่ำงไรในกำรกรอง
3. กำรกรองจะเกิดขึนได้จะต้องเกี่ยวข้องกับกำรใช้แรงชนิดใดได้บ้ำง
4. ควำมต้ำนทำนกำรไหลในกำรกรองเกิดขึนเพรำะสำเหตุใดและมีวิธีกำรแก้ไข
อย่ำงไร
5. สำรช่วยกรองมีสมบัติอย่ำงไร และยกตัวอย่ำงสำรช่วยกรองมำ 3 ชนิด
6. กำรกรองมีกี่ประเภท อะไรบ้ำง และมีหลักกำรปฏิบัติอย่ำงไร
7. สำรกรองหมำยถึงอะไร และยกตัวอย่ำงสำรกรองมำ 5 ชนิด
8. เส้นใยที่ใช้ส้ำหรับกำรกรองได้แก่วัสดุอะไรบ้ำง และสำรกรองเส้นใยมีสมบัติ
เหมำะสมต่อกำรใช้งำนลักษณะใด
9. สำรกรองทรำยมีข้อดีอย่ำงไร
10. สำรกรองถ่ำนหินแอนทรำไซต์เหมำะสมต่อกำรใช้งำนในลักษณะใด
11. สำรกรองถ่ำนไวมีข้อดีอย่ำงไร
12. สำรกรองดินเบำมีลักษณะเฉพำะอย่ำงไร และเหมำะสมกับกำรใช้งำนลักษณะใด
13. ทรำยเฟอโรมีสมบัติอย่ำงไร และมีข้อดีอย่ำงไร
14. สำรกรองเซรำมิกส์มีสมบัติอย่ำงไร
15. วัตถุดิบที่ใช้ในกำรผลิตสำรกรองเซรำมิกส์มีอะไรบ้ำง และมีสมบัติอย่ำงไร
16. สำรกรองเซรำมิกส์มีวิธีกำรผลิตอย่ำงไร
212

เอกสารอ้างอิง

เทิดพงษ์ ประเสริฐวิกัย. (2524). ไส้กรองน้าเซรามิกส์สาหรับน้าดื่ม. เชียงใหม่: วิทยำนิพนธ์


ปริญญำตรี วิทยำศำสตรบัณฑิต ภำควิชำเคมี คณะวิทยำศำสตร์ มหำวิทยำลัย-
เชียงใหม่.
ปรีดำ พิมพ์ขำวข้ำ. (2532). เซรามิกส์ (พิมพ์ครังที่ 2). กรุงเทพฯ: จุฬำลงกรณ์มหำวิทยำลัย.
ไพจิตร อิงศิริวัฒน์. (2541). เนื้อดินเซรามิกส์. กรุงเทพฯ: โอเดียนสโตร์.
สักขี แสนสุภำ. (2523). การศึกษาแผ่นกรองเซรามิกส์สาหรับน้าดื่ม. เชียงใหม่:
วิทยำนิพนธ์ปริญญำตรี วิทยำศำสตรบัณฑิต ภำควิชำเคมี คณะวิทยำศำสตร์
มหำวิทยำลัยเชียงใหม่.
Baylis, J. R. , Gellans, O. , & Oudsan, H.E. I.R. (1971). Filtration water quality and
treatment (3rd ed.). Washington: n.p.
Mark, H. F. (1966). Kirk – other encyclopedia of chemical technology (2nd ed.). n.p.
Peter, M. S. (1954). Elementary chemical engineering. New York: McGraw - Hill.
213

ใบงำน วิชำ 5524504 ผลิตภัณฑ์เซรำมิกส์และเทคโนโลยี


สื่อกำรสอนบทที่ 6 ชื่อเรื่อง สร้ำงสำรกรองเซรำมิกส์

วัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรม
เพื่อให้ผู้เรียนสร้ำงสำรกรองเซรำมิกส์และทดสอบกำรใช้งำนได้

งานที่มอบหมาย
ให้ผู้เรียนสร้ำงสำรกรองเซรำมิกส์ชนิดไส้กรองทรงกระบอกกลวง ทดสอบกำรใช้งำน
และท้ำรำยงำนผลกำรสร้ำงและกำรทดสอบดังกล่ำว

การวัดผลและการประเมินผล
1. กำรวัดผล
1.1 ปริมำณงำนที่ท้ำได้ตำมก้ำหนดเวลำ
1.2 ควำมถูกต้องและควำมสะอำดเรียบร้อยของรำยงำน
2. กำรประเมินผล
คะแนนสะสม 10 คะแนน

Das könnte Ihnen auch gefallen